BumQ 3

CHAPARRAL ป้องกันภัยทางอากาศ

CHAPARRALาปาร์รัล จัดเป็นระบบป้องกันภัยคุกคามทางอากาศตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับปานกลาง โดยใช้อาวุธปล่อยแบบ ไซด์ไวน์เดอร์ พร้อมยิงสี่นัด ติดตั้งบนรถสายพานลำเลียงแบบ M703 โดยปกติเมื่อเคลื่อนที่ แท่นยิงจะลดระดับลงต่ำ แต่เมื่อตรวจจับได้ถึงภัยคุกคาม แท่นปล่อยอาวุธจะยกตัวสูงขึ้นพร้อมที่จะทำการยิงโดยพลประจำแท่น ซึ่งเมื่อทำการเล็งด้วยสายตาเพื่อทำการล็อคเป้าหมายด้วยอุปกรณ์ค้นหาและเกาะติดเป้าหมายด้วยคลื่นความร้อน (อินฟาเรต) จรวดจึงถูกยิงออกไปโดยอัตโมมัติ

ในการพัฒนาอาวุธปล่อยแบบชาปาร์รัลนี้ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1970 เรื่อยมาจนกระทั่งมีการสับเปลี่ยนนำเอาหัวรบที่มีอนุภาพทำลายล้างรุนแรงขึ้นและใหญ่ขึ้นเข้ามาแทนของเก่า หรือแม้กระทั่งมอเตอร์ดินขับที่มีกำลังส่งมากกว่ารุ่นแรกๆ จนเมื่อทำการส่งมอบให้แก่กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ชาปาร์รัลรุ่นแรกได้เข้าประจำการในเดือน กรกฎาคม ปี 1987 เรื่อยมา แต่ทว่ายังไม่เคยได้เข้าสู่สนามรบจริงๆเสียที จนกระทั่งเมื่อกองทัพบกอิสราเอลซึ่งเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลางได้นำเอาระบบชาปาร์รัลนี้เข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรกในเดือน ตุลาคม ปี 1973


อิสราเอลสามารถยิงเครื่องบินรบของประเทศพันธมิตรอาหรับตกได้เป็นครั้งแรกด้วยระบบอาวุธชนิดนี้ ซึ่งเครื่องบินรบที่ถูกยิงตกนั้นเป็น MIG-17 ของประเทศซีเรีย แต่ทว่าศักยภาพในการพัฒนาระบบอาวุธปล่อยชนิดนี้เป็นไปได้ค่อนข้างยากลำบากและมีราคาแพง

แต่กระนั้นก็ดีระบบอาวุธปล่อยแบบนี้ก็ยังถูกวางกำลังเอาไว้อย่างกว้างขวางจวบจนกระทั่งปัจจุบันและในสงครามอ่าวเปอร์เซียระบบอาวุธปล่อยชาปาร์รัลนี้ได้มีโอกาสเข้าร่วมสู่สมรภูมิครั้งนี้ด้วย แต่ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าใดนัก เมื่อถูกอาวุธปล่อยนำวิถีตัวใหม่กว่าอย่าง "เพเตรียต" (บ้านเราเรียกว่า "แพทติออต") บทบังรัศมีอย่างเทียบไม่ได้

ปัจจุบันอาวุธปล่อยชาปาร์รัลนี้ถูกบรรจุประจำการอยู่แทบทุกภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะชาติพันธมิตรโลกเสรีอย่างอิสราเอล ไต้หวัน เอควาดอร์ กรีซ โมร็อคโก ตูนีเซีย และสหรัฐอเมริกา

 

ฉะนั้นจึงเป็นที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าอาวุธปล่อยชาปาร์รัลนี้จะยังคงเป็นระบบต่อต้านอากาศยานระดับกลางจวบจนสิ้นทศวรรษนี้อย่างแน่นอน

NIGHTHAWK STEALTH


LOCKHEED F - 117 NIGHTHAWK STEALTH FIGHTER

ชื่อเครื่องบินที่เรารู้จักสั้นๆว่า "STEALTH" ประวัติโดยสังเขปของ F - 117 ผลิดโดย "SKUNK WORK" เป็นโรงงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท LOCKHEED F - 117 ถือกำหนดจากโรงงานในปี 1987 เป็นเครื่องบินที่สามารถหลุดรอดการตรวจจับของเรดาห์ได้ หรือ วัสดุที่เรียกว่า RAM (Radar Absorbent Material)
 
ในส่วนของผิวเครื่องบินเคลือบด้วยวัสดุ EPOXY รวมทั้งในการออกแบบรูปร่างในส่วนต่างๆของเครื่อง F-117 มีผลต่อการสะท้อนคลื่นเรดาห์น้อยมาก GENNERAL ELECTRIC F - 404 - GE - F - 1D2 TURBOFAN 2 เครื่องยนต์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ F-117 ทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็ว 9 MACH นักบินสามารถเร่งและลดความเร็วจนถึงหยุด ได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งการเปลี่ยนทิศทางการบินได้อย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้ F-117 เป็นเครื่องบินที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่างด้วย เช่น สอดแนม โจมตี ทิ้งระเบิด ฯลฯ ได้อย่างดีเยี่ยม


F-117 ขึ้นบินทดสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1982 ที่ GROOM LAKE รัฐ NAVADA สหรัฐอเมริกา โมเดลตัวนี้เป็นสเกล 1/72 รายละเอียดพอใช้ได้ ชิ้นส่วนทั้งหมด 31 ชิ้น ประกอบค่อนข้างง่าย


GERMAN TROOPER



GERMAN TROOPER
หารเยอรมันครึ่งตัวหน้าตาดุดันสมกับเป็นนักรบ คือ ทหารเยอรมันเหล่าทหารบกสังกัดกรมทหารราบยานยนต์ "โกร๊ซด๊อยชลันด์" 


เรารู้ได้อย่างไรว่าทหารผู้นี้สังกัดหน่วยไหนเราดูได้จากบ่าของเขาครับ เพราะว่าที่บ่าของทหารผู้นี้จะมีตัวอักษรว่า "GD" ปักไขว้กันอยู่ นอกเหนือไปจากอินทรธนูบอกยศซึ่งจากโมฯบอกว่ามียศเป็นสิบตรีสังกัดหน่วยทหารราบยานยนต์

ทหารผู้นี้คือทหารสังกัดกองทัพแห่งชาติหรือ"แวร์มัคท์" (Wehrmacth) แปลว่า กองทัพแห่งชาติหรือตรงกับภาษาอังกฤษว่า "National Armed Force" หรือก็คือทหารปกติ 3 เหล่าในประเทศทั่วไปนั้นเอง แต่ที่เยอรมันนี้มีกองกำลังทางทหารที่เรียกว่า SS อยู่ด้วย


 


การบ่งชี้ถึงเหล่าทัพนั้น จึงต้องบอกด้วยว่าทหารผู้นั้น เป็น SS หรือ Wehrmacth เครื่องแบบสำหรับนายทหารประทวนหรือนายสิบนี้ ในของจริงจะทำด้วยผ้าวูลที่เรียกอีกอย่างว่าผ้าสักหลาดสีเขียวปนเทา หรือ "ฟิลด์เกรย์" ในภาษาอังกฤษ ส่วนในภาษาเยอรมันเรียกสีนี้ว่า "เฟลด์ เกรา" (Feldgrau) หรือสีเขียวทุ่งเพราะฉะนั้นหากว่าไปได้ยินหรือเห็นคำที่ว่านี้ที่ไหน ก็ขอให้รู้ไว้ว่ามันเป็นสีเดียวกัน

NAPOLEON

Napoleon Bonaparte
โปเลียน โบนาปาร์ต เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1769 ที่เกาะคอร์ซิก้า ซึ่งในตอนนั้นคอร์ซิก้าเป็นเมืองอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส เป็นทหารเมื่ออายุได้เพียง 16 ปี ในปีค.ศ. 1789 เกิดการปฏิวัติใหญ่ในหมู่ทหารก็แบ่งเป็นพวกที่ภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ฝรั่งเศส กับ อีกพวกเป็นฝ่ายปฎิวัติ นโปเลียนเลือกเข้าอยู่กับฝ่ายปฎิวัติเนื่องจากเล็งเห็นการณ์ไกลว่าฝ่ายปฎิบัติมีแววจะชนะและได้พยายามกู้เอกราชให้คอร์ซิก้าแต่ไม่สำเร็จ
ตอนนั้นนโปเลียนมียศร้อยตรี ในนายทหารปืนใหญ่และอยู่ในสังกัดพรรคจาคอแบง เขาแสดงผลงานในการทำศึกสงครามชนะหลายครั้ง จนได้เลื่อนขั้นเป็นระดับนายพลด้วยวัยเพียง 27 ปี
ในปี ค.ศ. 1795


นโปเลียนแต่งงานกับ โจเซพพิน ซึ่งอายุแก่กว่าเขาถึง 6 ปี สมาชิกสภาไดเร็คทอรี่เห็นความสามารถของนโปเลียนจึงได้แต่งตั้งให้นโปเลียนเป็นแม่ทัพของฝรั่งเศส ในการทำสงครามทางตอนเหนือของอิตาลีกับพวกกองทัพสัมพันธมิตรหลังวันอภิเษก 2 วัน ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1796

นึ่งปีหลัง จากนั้น นโปเลียนก็สามารถขับไล่กองทัพของออสเตรียออกไปได้ เขาพยายามสร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเอง ด้วยการไปทำการรบที่อียิปต์ ขณะที่นโปเลียนอยู่ที่อียิปต์เขาได้นำกองทัพทหารที่รวบรวมไว้กลับกรุงปารีสและได้ทำการขับไล่พวกสมาชิกสภาเสีย โดยการประกาศยุบสภาในปี ค.ศ. 1799 และได้ตั้งตัวเองดำรงตำแหน่งกงสุลอันดับหนึ่งตลอดชีวิต แต่แล้วในปี ค.ศ. 1804 นโปเลียนได้ยุบตำแหน่งกงสุลอันดับหนึ่งตลอดชีวิต และได้เปลี่ยนตำแหน่งตัวเองเป็นจักรพรรดิ

การรบครั้งยิ่งใหญ่ของนโปเลียนเป็นที่รู้จัก คือ การรบที่ตำบลวอร์เตอร์ลู ซึ่งเป็นการรบครั้งสุดท้ายของนโปเลียน ซึ่งพ่ายแพ้แก่นายพลที่เก่งที่สุดของอังกฤษ คือ ดยุค แห่ง เวลลิงตัน ก่อนที่จะถูกเนรเทศให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเกาะเซนต์เฮเลนา และ ตายในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1821 รวมอายุได้ 52 ปี คำสุดท้ายของนโปเลียนก่อนตาย คือ "ฝรั่งเศส...กองทัพ...แม่ทัพทั้งหลาย...โจเซพพิน"

SADDAM HUSSEIN

SADDAM HUSSEIN
ซัดดัม ฮุสเซน (Saddam Hussein) หรือ ศ็อดดาม ฮุเซน อับดุลมะญีด อัลตีกรีตี  (28 เมษายน พ.ศ. 2480 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549) เป็นอดีตประธานาธิบดีของอิรัก ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 จนกระทั่งถูกจับกุมและถอดออกจากตำแหน่ง โดยกองกำลังนานาชาติซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามอิรักปีพ.ศ. 2546 ซัดดัม ผู้สร้างกระแสคลื่นกดดันลูกใหม่ขึ้นมาอีก ด้วยการกระตุกขนพญาอินทรีย์โดยประกาศกร้าวว่าจะสอยเครื่องบินสอดแนม U-2 ที่เข้าไปหาข่าวในดินแดนของตนจนอเมริกันชักจะยั๊วขึ้นมาตะหงิดๆ ร่ำๆ อยากจะอบรมซัดดัมให้หราบจำซะให้รู้แล้วรู้รอดในสงครางอ่าวฯ


 ซัดดัมเคยเป็นผู้นำพรรคบะอัธ พรรคการเมืองหัวปฏิวัติของอิรัก ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มลัทธินิยมรวมชาติอาหรับโดยไม่อ้างอิงกับศาสนา การปรับระบบเศรษฐกิจให้ทันสมัย และระบอบสังคมนิยม ซัดดัม ได้มีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารในปีพ.ศ. 2511 ที่ทำให้พรรคบะอัธก้าวขึ้นสู่อำนาจในระยะยาว ในฐานะของรองประธานาธิบดี โดยมีนายพลอะฮ์มัด บะกัร ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่มีสุขภาพอ่อนแอดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซัดดัมจึงได้กุมอำนาจในการจัดการปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ในช่วงเวลาที่กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ถูกมองว่าสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ทุกเมื่อ โดยซัดดัมได้จัดตั้งกองกำลังรักษาความมั่นคง เพื่ออุดหนุนอำนาจของเขาในการควบคุมรัฐบาลอิรักไว้ ในช่วงคริสตทศวรรษ ที่ 70 ราคาน้ำมันปิโตรเลียมที่พุ่งสูงขึ้นได้ช่วยให้เศรษฐกิจอิรักเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากและในอัตราที่สม่ำเสมอ


 ตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจของซัดดัมเขาก็ได้รับการชื่นชมว่าเป็น "สุนัขบ้า แห่ง ภูมิภาคตะวันออกกลาง" โดยเปิดศึกหลายด้านทั้ง อิสราเอล อิหร่าน และชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด อย่างวุ่นวายอีรุงตุงนังยิ่งกว่าด้ายพันกัน ต่อจากนั้นอยู่มาไม่นานคงเริ่มคันมือคันไม้อีก จึงบุกยึดคูเวตมันเสียหน้าด้านๆ เลยเจอรุมกินโต๊ะจากฝ่ายพันธมิตรซะอ่วมอรทัย นี่สงบได้ไม่ทันไร เริ่มซ่าอีกแล้ว

บทบาทของลุงหนวดงามผู้นี้ ก็ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยปลอมตัวออกงานตามงานสำคัญต่างๆ ตลอด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกลอบสังหาร เพราะศัตรูคุณลุงแกมีน้อยเสียเมื่อไหร่ ทั้งต่างประเทศ ทั้งในประเทศและรัฐบาล หรือแม้แต่คนในครอบครัวของแกเอง ต้องค่อยระวังกันทุกฝีก้าว กินอยู่หลับนอนหมุนเวียนไปเรื่อยไม่ปรากฎแน่ชัด คิดแค่นี้ก็กลุ้มสุดๆแล้วสำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ
ในฐานะที่ซัดดัมเคยเป็นประธานาธิบดี ซัดดัมได้พัฒนาลัทธินิยมตัวผู้นำอย่างบ้าคลั่ง ปกครองรัฐบาลเผด็จการ และกุมอำนาจไว้ได้ในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน (ระหว่างปีพ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2531) ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก (ในปีพ.ศ. 2534) ซึ่งทำให้อิรักทรุดโทรม ทำลายทั้งมาตรฐานการครองชีพและสิทธิมนุษยชน รัฐบาลของซัดดัมได้จัดการกับการเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพวกชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มทางศาสนาที่ต้องการเรียกร้องอิสรภาพ หรือการปกครองตนเอง ในระหว่างที่ยังคงเป็นวีรบุรุษที่ประชาชนชื่นชม โดดเด่นในหมู่ผู้นำอาหรับอื่นๆ ในฐานะผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านสหรัฐ และให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ ภายหลังสงครามอ่าวเปอร์เซียในปีพ.ศ. 2534 สหรัฐอเมริกาและชาติอื่นๆในประชาคมโลก ยังคงเฝ้าระวังจับตามองซัดดัมด้วยความหวาดระแวงว่ามีอาวุธที่มีอานุภาพทำลาย ล้างสูงไว้ในครอบครอง ซัดดัมได้ถูกถอดถอนโดยสหรัฐและฝ่ายพันธมิตรในการบุกอิรักเมื่อปีพ.ศ. 2546 ถูกจับกุมโดยกองกำลังสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมขนาดเล็ก ในฟาร์มแห่งหนึ่งชานเมืองตีกรีต เขาจะต้องขึ้นต่อสู้คดีในศาลพิเศษอิรักที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลชั่วคราวของอิรัก

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ผู้พิพากษาศาลอิรัก สั่งลงโทษประหารชีวิตโดยการแขวนคอซัดดัม ในคดีสังหารหมู่ชาวชีอะห์ 148 คน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองดูเญลเมื่อปีพ.ศ. 2525 โดยเขาถูกประหารชีวิตในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บริษัท WARRIORS จึงได้จับซัดดัมมาทำเป็นโมเดลขนาด 1/10 ไว้เป็นที่ระลึกมันเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป เผื่อใครจะเอามาทำเป็นเป้าปืน หรือ เป็นของสะสมเอาไว้ใน Colection ก็ตามศรัธรา ขนาดกำลังพอเหมาะสามารถจัดร่วม BUST ที่คุณมีได้อย่างลงตัว

NORMAN SCHWARZKOPF

NORMAN SCHWARZKOPF
ายพลนอร์แมน ชวาร์ซคอฟ คู่แค้นคนสำคัญกับซัดดัมในสงครามอ่าวเปอร์เซีย เขาเป็นนายพลระดับ 4 ดาว (พลเอก) ผู้บังคับบัญชาการนำเหล่าทหารอเมริกันเข้าประจันอริราชศัตรูตามคำบัญชาของประธานาธิปดีแห่งสหรัฐอเมริกา


นอร์แมน เคยมีประวัติการรบอย่างโชกโชนมาแล้วตั้งแต่วัยหนุ่มในสงครามเวียตนาม ทั้งยังเคยเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนนายร้อยเวสตส์ป๊อยท์ อันมีชื่อเสียงโด่งดังของอเมริกา ลูกศิษย์ลูกหาเต็มกองทัพไปหมด

ในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้ามาถึงตำแหน่งระดับผู้บัญชาการเฉกเช่นในช่วงสงคราวอ่าวฯ จุดนี้เป็นจุดสูงสุดของชีวิตนายทหารผู้เริ่มเข้าสู่วัยเกษียรอายุราชการ เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทใหญ่ๆทั้งหลายต่างรุมจีบ เพื่อที่จะให้นอร์แมนไปเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเหล่านั้น ในยุคที่นายพลผู้นี้รุ่งเรืองเข้าได้รับฉายามากมายจากผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น THE BEAR หมียักษ์ผู้กล้าหาญสมดังลักษณะนิสัยที่ดุดันเป็นคนจริงของเขา


สงครามอ่าวเปอร์เซีย หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า สงครามอ่าว (Gulf War) หรือที่รู้จักกันว่า สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่หนึ่ง, สงครามอิรัก ก่อนที่จะใช้เรียกการรุกรานอิรักเมื่อ พ.ศ. 2546 และเรียกกันด้วยความเข้าใจผิดว่า ปฏิบัติการพายุทะเลทราย ซึ่งเป็นชื่อของปฏิบัติการเพื่อการรับมือทางทหาร เป็นความขัดแย้งทางทหารที่เริ่มโดยกองกำลังผสมจาก 34 ประเทศโดยมีสหประชาชาติเป็นผู้ดูแล กับอิรักและรัฐบาลร่วมที่ต้องการขับไล่กองกำลังอิรักออกจากคูเวตหลังจากที่อิรักเข้ายึดครองคูเวต ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533

ารรุกรานคูเวตโดยกองทัพอิรักที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2533 ได้รับการประณามจากนานาชาติ และนำไปสู่การลงโทษทางเศรษฐกิจทันทีโดยสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ส่งกำลังอเมริกันไปยังซาอุดิอาระเบียเกือบ 6 เดือนหลังจากนั้น และกระตุ้นให้ประเทศอื่นส่งกำลังของตนเข้ามายังสถานที่ดังกล่าวด้วย มีหลายประเทศเข้าร่วมกำลังผสมด้วย โดยมีกำลังทหารส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย สหราชอาณาจักรและอียิปต์เป็นผู้ให้ความร่วมมือหลัก ซาอุดิอาระเบียระดมทุนให้ประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณทั้งหมด 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสงครามครั้งนี้

ความขัดแย้งระยะแรกเพื่อขับไล่กองทัพอิรักออกจากคูเวตเริ่มต้นขึ้นจากการ ทิ้งระเบิดทางอากาศเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2534 ตามมาด้วยการโจมตีภาคพื้นดินเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สงครามดังกล่าวสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของกองกำลังผสม ผู้ซึ่งปลดปล่อยคูเวตและรุกเข้าไปในพรมแดนอิรัก กองกำลังผสมยุติการรุกคืบ และประกาศหยุดยิง 100 ชั่วโมงหลังจากการทัพภาคพื้นดินเริ่มต้นขึ้น การรบทางอากาศและพื้นดินจำกัดอยู่ภายในอิรัก คูเวต และพื้นที่บริเวณพรมแดนของซาอุดิอาระเบีย อย่างไรก็ตาม อิรักได้ปล่อยขีปนาวุธสกั๊ดต่อเป้าหมายทางทหารของกองกำลังผสมในซาอุดิอาระเบียและต่ออิสราเอล

ADOLF HITLER

ADOLF HITLER
าถึงพระเอกของเรา หรือ ผู้ร้ายที่ชาวอิสราเอลรังเกียจกันทั้งประเทศ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ประวัติของบุคคลผู้นี้ได้เคยมีการเขียนหรือทำเป็นสารคดีมากมาย ก็คงจะไม่ต้องกล่าวถึงกันมาก แต่เอาสักหน่อยก็ยังดี เผื่อคนที่ยังไม่รู้ประวัติของชายผู้นี้จริงๆ จะได้รู้กัน


อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เกิดเมื่อ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2432) ที่เมืองลินธ์ (Lynch) ทางตอนเหนือของ ออสเตรีย ต่อกับ เยอรมัน เดิมฮิตเลอร์มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นจิตรกรหรือสถาปนิกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการทหารเลย ต่อมาก็ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารราบในกองทัพเยอรมันจนได้ยศสิบโทจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และที่สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ฮิตเลอร์ได้รับเหรียญกางเขนเหล็กขั้นที่ 1 ในปี 1914 ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้คือ นายทหารที่เป็นผู้มอบเหรียญกางเขนเหล็กให้กับสิบโท อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ก็คือร้อยโท ฮูโก้ กู๊ดมานน์ (Oberleutrant Hugo guttmann) และเป็นชาวยิวด้วย

หลังจากเยอรมันต้องแพ้สงครามและถูกกดดันคงมีสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น สนธิสัญญาโลคาโน (Locano treaty), สนธิสัญญาแวร์ชายล์ (Versaile treaty) ทำให้เกียรติภูมิแห่งชาติเยอรมันต้องตกต่ำลงไป


ฮิตเลอร์และผู้รักชาติชาวเยอรมันรวมตัวกันตั้งพรรค "แรงงานชาตินิยมเยอรมัน" (Nazional Socialiche Deutche Arbeiter Partei) หรือที่เรียกย่อๆว่า พรรคนาซี จนในที่สุด ฮิตเลอร์และพรรคนาซีของเขาก็พาเยอรมันไปสู่อะไร ก็เป็นที่รู้กันทั่วโลก

PIRATE CAPTAIN

PIRATE CAPTAIN
ลังจากยุคที่เป็นสงครามชุดเกราะผ่านไป เริ่มเข้าสู่ยุคของการค้นหาแผ่นดินใหม่ มนุษย์เริ่มรู้จักชนเผ่าอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกพ้องเผ่าเดียวกัน เริ่มรู้จักการใช้ดินปืน เริ่มรู้จักการใช้ปืนในการทำศึกสงคราม

ธงดำมีรูปหัวกระโหลกและกระดูกไขว้สีขาว เป็นสัญลักษณ์ของโจรสลัด พวกนี้เหมือนกลุ่มชนเร่ร่อน ที่มีชีวิตอาศัยอยู่บนเรือ และจะขึ้นบกเวลามีเรื่องสำคัญเท่านั้น เช่น ซื้อเสบียง ช่วงหลังคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา เรื่องราวของกลุ่มโจรสลัดเป็นที่เล่าขาน เรื่องราวของการหาสมบัติตามลายแทง มีปัญหาให้ขบคิดก่อนที่จะเจอขุมทรัพย์ มีภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่สร้างเกี่ยวกับโจรสลัด 
ที่ผ่านมาไม่นานมานี้ก็เห็นจะเป็นเรื่องคัทโทรธ อันนั้นก็เป็นเรื่องราวของการตามล่าหาขุมทรัพย์ตามลายแทง หรือ เรื่องราวของนิทานในวัยเยาว์การผจญภัยไปในดินแดนที่น่าตื่นเต้นของปีเตอร์แพนและกัปตันฮุค ผมเชื่อว่าคุณคงเคยสมมุติตัวเองเวลาที่คุณเล่นกับเพื่อนๆเมื่อตอนยังเป็นเด็กแน่ๆ

แต่ในความเป็นจริงโจรสลัดที่มีอยู่จริงในราวศตวรรษที่ 15 มีความโหดร้ายและจริงจังมากกว่าในภาพยนตร์หลายเท่า อย่างโจรสลัดที่ชื่อ Long John Silver นั้นก็เป็นโจรสลัดที่เคยครอบครองน่านน้ำมาแล้วในอดีต

GERMAN MERCENARY

GERMAN MERCENARY
บัทตัวนี้เป็นตัวที่เกิดในยุคสมัยระหว่างปี ค.ศ. 1618-1648 ซึ่งเป็นช่วงของสงครามที่เรียกว่า "สงคราม 30 ปี" สงครามนี้เป็นสงครามที่เกิดขึ้นเนื่องจากศาสนาที่ต่างลัทธิ ระหว่าง จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันซึ่งนับถือโรมันคาทอลิกกับประเทศต่างๆในยุโรป ซึ่งนับถือโปแตสแตนท์เป็นส่วนใหญ่


ในสมัยของจักรพรรดิรูดอร์ฟที่ 2 (Rudolf 2 ค.ศ. 1576-1612) พระองค์เห็นว่านิกายโปแตสแตนท์เริ่มมีกำลังเข้มแข็งขึ้นจนน่ากลัว จึงสนับสนุนให้แม็กซิมิเลียนแห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นคาทอริกให้ฟื้นฟูคาทอลิกให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านพวกโปแตสแตนท์ ทำให้พวกโปแตสแตนท์ทางใต้ของเยอรมันเกิดความวิตกดังนั้นพวกนี้จึงตั้งสหภาพอีแวนเจลิเคิล มีพระเจ้าเฟรดเดอริคคนที่ 4 และคริสเตียนแห่งแอลฮอทท์เป็นหัวหน้าในปี ค.ศ. 1609 พวกคาทอลิกจึงได้ก่อตั้งสมาคมขึ้นมาบ้าง เรียกว่าสันนิบาตคาทอลิก มี แม็กซิมิเลียนเป็นหัวหน้า ใน ค.ศ. 1609 ชาวเชคส์บังคับให้จักรพรรดิรูดอร์ฟ ประทานรัฐธรรมนูญ ที่รับรองว่า ชาวเชคส์มีเสรีภาพในการประกอบพิธีทางศาสนา พอดีขณะนั้นจักรพรรดิเฟอร์ดินานที่ 2 ได้รับตำแหน่งกษัตริย์ของประเทศโบฮีเมีย ซึ่งชาวเชคส์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่

พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เคร่งครัดต่อนิกายโรมันคาทอลิกมาก เคยศึกษาอยู่ในสมาคมเยซูอิต ซึ่งสอนให้ทำลายล้างพวกโปแตสแตนท์ และคนนอกศาสนาให้หมดสิ้น ดังนั้นพอเป็นกษัตริย์ จึงพยายามยกเลิกรัฐธรรมนูญ และเริ่มบีบคั้นพวกโปแตสแตนท์ในโบฮีเมีย ทำให้ชาวเชคส์ไม่พอใจเป็นอันมาก ในวันที่ 23 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1618 ชาวเชคส์ที่เป็นโปแตสแตนท์ได้จับอาวุธเข้าต่อต้าน และเดินขบวนเข้าไปในพระราชวัง ณ กรุงปราค และจับผู้สำเร็จราชการ 3 คน โยนลงมาจากหน้าต่าง แต่ไม่บาดเจ็บมากนัก

นอกจากนั้นยังได้ก่อตั้งรัฐบาลลับเฉพาะกาลขึ้นใน ค.ศ. 1619 อันเป็นปีที่พระเจ้าเฟอร์ตินานด์ที่ 2 ได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิชาวโปฮีเมียได้เชิญเฟรดเดอริคที่ 5 ราชบุตรเขยของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ เป็นกษัตริย์แห่งโปฮีเมีย ชาวคาทอลิกถือว่าโปแตสแตนท์เป็นศัตรู และกบฏ สงครามนี้จึงได้เกิดขึ้นเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี ( สงคราม 30 ปี )

ROMAN CENTURION

ROMAN CENTURION
จักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคก่อนคริสตกาลราว 509 ปี ก่อนคริสต์ศตวรรษสมัยของโรมันมีความรุ่งเรืองทางอารยธรรมสูงมาก อารยธรรมและการปกครองส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็มีรากฐานมาจากแนวทางของจักรวรรดิโรมัน สิ่งปลูกสร้างของจักรวรรดิโรมันเองก็มีความสวยงามวิจิตรตระการตา ชาวโรมันในสมัยนั้นเป็นพวกที่รักความสะดวกสบาย ซึ่งแสดงออกมาในรูปการก่อสร้างที่สามารถและมีฝีมือเป็นเยี่ยมและการก่อสร้างส่วนใหญ่ เป็นการก่อสร้างเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น การก่อสร้างถนนท่อ
 ระบายน้ำ ท่อส่งน้ำ สระอาบน้ำ สนามกีฬา และประตูชัย เป็นต้น

 
สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะมีความมั่นคงแข็งแรงใหญ่โตเพื่อเป็นการยืนยันในความยิ่งใหญ่ ถนนบางสายในโรมันยังใช้มาถึงจนทุกวันนี้ ถนนของโรมันเป็นถนนที่ปูด้วยหินรากถนนฝังลึกลงไปใต้ดินหลายฟุต ประตูชัยที่เห็นเป็นตระหง่านอยู่ในประเทศอิตาลีในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่อยู่ยืนยงมาจากอดีตจากผลงานของชาวโรมันเช่นกัน ในส่วนสิ่งที่เป็นนามธรรมก็คือ ภาษา ภาษาที่ชาวโรมันใช้พูดกันในอดีตคือภาษาละติน ภาษาเกือบทุกภาษาในยุโรปปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศส, อิตาเลี่ยน, โปรตุเกส, สเปน, โรมาเนีย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินแทบทั้งสิ้น ซ้ำบางคำยังยืมภาษาละตินมาใช้

 






ชาวโรมันไม่ใช่นักคิดผู้ยิ่งใหญ่แต่เป็นนักทำ ลักษณะดังกล่าวทำให้ชาวโรมันประสบความสำเร็จในการสร้างสรรสิ่งต่างๆ จากอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมของกรีก, อียิปต์ และดินแดนเมโสโปเตเมีย ถ้าพูดถึงจักรวรรดิโรมันหลายๆ คนคงจะต้องรู้จัก จูเลีย ซีซาร์ จอมทัพยิ่งใหญ่ของโรมันเป็นแน่ๆ บัทตัวนี้เป็นขุนพลในจักรวรรดิโรมัน ซึ่งสังเกตุได้จากผ้าคลุม หนังหมาป่า และพู่บนหมวก ยิ่งพู่บนหมวกใหญ่ขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งมีตำแหน่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และผ้าคลุมถ้าเป็นประมาณว่าพลทหารจะไม่มีผ้าคลุม แต่ถ้าเป็นทหารรักษาพระองค์ขึ้นไปจะมีผ้าคลุม

WARLORD OF KAI



Warlord of KAI : SAMURAI
ระเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึงแม้จะไม่เท่าจีนหรือประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็ตาม ศิลปวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความน่าสนใจสวยงามไม่แพ้ชาติอื่นๆ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกับชาติอื่นๆ ส่วนใหญ่ คือ เรื่องของสงคราม ทั้งภายในประเทศและการสงครามกับต่างประเทศ แต่สงครามภายในประเทศเป็นเรื่องของการแย่งชิงอำนาจจากโชกุนเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิของประเทศ  

นยุคกลางทหารญี่ปุ่นเป็นทหารที่มีระเบียบวินัยยึดถือคำสั่งและปฏิบัติตามคำสั่งในหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด ถ้าผู้ใดได้รับคำสั่งในภารกิจสำคัญแล้วเกิดทำพลาด บางคนมีใจเด็ดเดี่ยวขนาดคว้านท้องตัวเองตายหรือที่เรียกว่า ฮาราคีรี เหมือนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามต่อฝ่ายพันธมิตร ทหารญี่ปุ่นที่เหลืออยู่ในประเทศไทย ก็ทำการฮาราคีรีตัวเองเช่นกัน บัทตัวนี้เป็นตัวที่อยู่ในยุคกลาง ชื่อว่า ทาเคดะ ชินเกน จอมทัพแห่งไค (นีฮารุโนบุ) 

 


เขาได้รับชื่อ ชินเกน จากการบวชในปี 1551 ชินเกนเกิดในปี ค.ศ. 1521 เข้าร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งแรกตั้งแต่อายุ 15 ปี ให้กับพ่อของเขาเอง คือ ไดไมโอะ แห่งไคในปี 1541 ชินเกนได้มาสืบทอดตำแหน่งแทนพ่อของเขาในการปกครองไคและเริ่มรุกราน ขยายอำนาจของตระกูลไปสู่จุดไคลแมกซ์ของเซ็นโกกุ หรือ ยุคของสงครามกลางเมืองในญี่ปุ่น ในสามทศวรรษต่อมา สองพระนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทาเคตะ ชินเกน และ อุเอซุกิ เกนชิน ในช่วงนั้นความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศจะขึ้นอยู่กับ 2 คนนี้เท่านั้น บัทตัวนี้เป็นชุดของ ทาเคตะ ชินเกน ในรูปแบบที่ปรากฎในสมรภูมิที่ 4 ที่คาวานาคาจิมะโน ในปี ค.ศ. 1561

BUST อีกรูปแบบของโมเดลที่อยากจะแนะนำ

BUST อีกรูปแบบของโมเดลที่อยากจะแนะนำ 
โมเดลก็คืองานศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องอาศัยฝีมือและใจรักเป็นสำคัญ อีกทั้งยังเป็นงานอดิเรกที่สามารถรวมเอาจิตรกรรมและประติมากรรมเข้าไว้ด้วยกันในหนึ่งเดียว และเมื่อพูดถึงงานประติมากรรมแล้วเราจะพบเห็นรูปปั้นทั้งเต็มตัวและครึ่งตัวอยู่อย่างชินตา มาคราวนี้รูปประติมากรรมเหล่านี้ถูกย่อส่วนลงมาในโลกของโมเดล โดยนิยมทำเป็นรูปสลักครึ่งตัวที่เรียกว่า BUST (บัท)

Mixtec Warlord
นอดีตนั้นมีชนพื้นเมืองที่เคยอยู่กันโดยที่มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย ต่อเมื่อผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้เจริญได้เข้าไปมีบทบาทในการรุกรานชนพื้นเมืองที่เคยอยู่เดิม กดขี่ข่มเหงจนชนเผ่าต่างๆ ในอดีตนั้นถูกกลืนทั้งในด้านวัฒนธรรมรวมถึงชีวิตก็หาไม่ ที่สุดก็ต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไป ทิ้งหลักฐานทางโบราณคดีที่มีอยู่เพียงน้อยนิดให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา รู้เห็นถึงพฤติกรรมอันป่าเถื่อนในการทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันของบรรพบุรุษ เพียงเพราะว่า ชนเผ่าที่ถูกทำลายล้างนั้น มิใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันกับตนเอง

ถ้าย้อนมองกลับไปเรื่อยๆจากปัจจุบันก็จะเห็นได้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามโลกครั้งที่ 1 ย้อนกลับไปยุคอินเดียนแดงในอเมริกาและยุคล่าอาณานิคมของพวกสเปนและอังกฤษ ที่จะกล่าวถึงก็คือ พวกชนเผ่าอินเดียนในละตินอเมริกา แถบประเทศเม็กซิโกในปัจจุบันก็มีเผ่ามายา, อินคา, แอ็ซเท็กซ์, ทอลเท็กซ์ และเผ่ามิกซ์เท็กซ์ 

 




นเผ่ามิกซ์เท็กซ์ก็เป็นเผ่าหนึ่งในยุคนั้นที่ถูกรุกรานโดยชนพื้นเมืองด้วยกันคือเผ่าแอ็ซเท็กซ์ และยังโดนประเทศล่าอาณานิคมในยุคหาแผ่นดินใหม่เข้ารุกราน

Horror Gothic ตอนที่ 5 จบ


Horror Gothic ตอนที่ 5 จบ
I'M BACK
มาแนวซอมบี้ เป็นผีประเภทตายไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมา ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องคาถาคัมภีร์อะไรสักอย่าง หรืออาจจะเป็นเพราะจิตใจที่ห่วงกังวลจึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาเหมือนผีไทยไงครับ ที่เขาว่า 3 วันถึงจะรู้ตัว แล้วกลับมาที่บ้าน ใครที่สนิทหน่อยก็จะกลัว แต่บางคนก็อยากเจอ ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่าผีมีจริงหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็จะ Casper (ใครว่าโลกนี้ไม่มีผี) ฝอยเป็นคุ้งเป็นแควไม่ค่อยได้สาระอะไรเลยนะครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า อย่างน้อยจะได้เทคนิคติดไม้ ติดหยักสมองกันไป ไม่มากก็น้อยล่ะนะ


สำหรับ Franken Stein ชุดนี้พวกฝรั่งตาน้ำข้าวเขาถือเป็นของขวัญจากพระเจ้าสำหรับวงการโมเดลในรอบปีกันเลยทีเดียว ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 20 เลยทุกอย่างเพอร์เฟ็คมาก จะไม่ให้บูมได้อย่างไร ก็เป็นผลงานการคิดค้นดีไซน์ของ เบอร์นี่ ไรท์ตั้น (Bernie Wrightson) เจ้าพ่อแห่งงาน การาจคิท เจ้าของ บริษัท ไซด์ โชว์ (SIDE SHOW) นามกระฉ่อนแห่งวงการโมเดล งานของเขามักจะเป็นประเภทซอฟท์ไวนิลเป็นส่วนใหญ่ คิดดูมันจะไม่ธรรมดาได้อย่างไร ก็ขนาดมีการจัดงานเปิดตัวเชิญแขกเหรื่อมาเป็นสักขีพยานกันมากมาย รวมๆ 200 กว่าคน และแขกแต่ละคนนั้นก็ล่วนแต่เป็นระดับ V.I.P. ทั้งสิ้น

I'm Back นี้ก็เป็นผลงานของ ไซด์ โชว์ เช่นกันเป็นซอฟท์ไวนิลพร้อมฐาน แอ็คชั่นสวยงามมาก แต่ตัวที่ผมมีอยู่เป็นของก็อปบอกได้คำเดียวว่ารูพรุนแก้ไขยากมากสำหรับตัวนี้บ้านเราขายกันอยู่ไม่น่าจะเกิน 400 บาทลองหาซื้อมาเล่นแต่งเสร็จดูสยองดีครับ

Bio Stein มนุษย์ทดลองตนนี้ เป็นฝีมือการปั้นของ Bill Paquet รายละเอียดดีมาก ขนาดตัวที่ผมได้มานี้เป็นก็อปฮองกงเนื้อหินนะครับ ถ้าของแท้เขาจะแถมโซ่มาให้ด้วย ตัวนี้ทำสีได้เน่ามากเพราะเจ้าแอร์บรัชของพาร์เช่รุ่น V-Set มาช่วยพ่นรีดเส้นเลือด ทำให้งานออกมาสวยสยองสมจริง

Celtic Vampire ตอนแรกก็แทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะเป็นผลงานของ Warriors ไม่รู้เขามาอารมณ์ไหน สงสัยอยากเปลี่ยนแนวบ้าง ถึงได้ทำตัวนี้ออกมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ดีแล้วทีเดียว เป็นงาน Bust ตามสไตล์ของ Warriors แต่ทำฐานเพิ่มเรื่องราวเข้าไปเหมือนโผล่พุ่งออกมาจากหลุมศพ (อารมณ์ไส้เดือน)

The Manster เห็นตอนแรกนึกว่าแฝดสยามอินจัน แรนดี้ โบเว่น เป็นคนลงมือปั้น

Nosferatu แวมไฟร์หน้าหนู เห็นแล้วหมดอารมณ์ เสียสถาบันผีดิบจริงๆ ผมว่ามันต้องมีเชื้อหนูมากกว่าเชื้อนกแน่ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้ งานปั้นของ David Grasso

Horror Gothic ตอนที่ 4

Horror Gothic ตอนที่ 4
BIO STREIN 
ไบโอสเตนนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟรงเกนสไตน์แน่นอนแล้วว่านำเมกานิกซ์มาแต่งเติมแทนอวัยวะ จะว่าเป็นแฟรงเกนสไตน์แห่งยุคนี้ก็ว่าได้แต่มันจะเหมือนเรื่องอื่นๆ ผู้ปั้นจึงทำให้เป็น Bio Strein ไงละครับ


Horror Gothic ตอนที่ 3

Horror Gothic ตอนที่ 3
CELTIC THE VAMPIRE
นี่ก็เหมือนกัน บ่งบอกถึงความเป็นอมตะที่ต้องดำรงชีพด้วยโลหิต ในยุคนั้นจึงมีเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทชาวบ้านเพียง 2-3 อย่างเท่านั้น คือหมอโรคจิตที่คิดแต่เรื่องวิปลาศ วันดี คืนดี ก็ออกมาตีหัวชาวบ้านเพื่อเอาสมอง กับตำนานผีดูดเลือกข้ามทวีป ที่มีทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ และแบบตรงข้ามทั้ง 2 อย่างที่ว่าก็มี แต่ที่แน่ๆ ทั้งหมดที่ได้กล่าวมา บริโภคโลหิตเป็นอาจิน ถึงจะต่างที่ต่างถิ่นแต่รสนิยมเหมือนกัน แถมยังกลัวอะไรที่เหมือนกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม ไม้กางเขน ผีดูดเลือดน่าจะจัดเป็นพวกแอนตี้ไครซ์ได้เหมือนกัน เป็นเพราะพวกนี้ได้ทำการขบถต่อพระเจ้า จึงหันหน้าเข้าหาซาตานแทน ในเมื่อที่พึ่งที่เขาศรัทธาช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้ (จาก Bram Stokers Dracula)

สิ่งสุดท้ายที่เป็นภัยต่อผีดูดเลือดคือตะวันหรือดวงอาทิตย์นั่นแหล่ะ ผมกระแดะเรียกให้เก๋ไปอย่างนั้นเอง เพราะแสงแดดจะทำให้ร่างกายของพวกเขาเปื่อยยุ่ยเหมือนน้ำกัดเท้าแต่เร็วกว่าหลายร้อยเท่าจะใช้พวกซันแทนหรือคอร์ปเปอร์โทนอะไรก็ป้องกันไม่ได้ นอกจากโลงหรือที่ๆไม่มีแสงแดดเข้าไปสาดส่องถึง (จาก Interview With the Vampire) ปัจจุบันมีหนังบางเรื่อง ผีดิบใส่แวนกันแดดก็สามารถลุยได้โดยไม่ต้องกลัวแดดเผาอีกต่อไป (จาก Near Dark) 

Horror Gothic ตอนที่ 2

Horror Gothic  ตอนที่ 2
THE  MANSTER
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวงการแพทย์เหมือนกัน คราวนี้หมอไม่ชุบชีวิต แต่กลับต่อหัวให้คนอีกคน เรื่องนี้ก็เคยสร้างเป็นหนังฉายในบ้านเรามาก่อน ตั้งแต่สมัยผมยังเด็กๆ จะเล่าให้ฟังทั้งหมดคงจนปัญญา จำได้เพียงว่า หัวทั้งสองมันมักจะเถียงกัน ไม่ลงรอยกัน และที่จำได้คือเทคนิคซ้อนหัว โดยให้อีกคนขี่หลังไว้ จำได้ถนัดตาเพราะมันเผลอเดินหลังตุงทุกครั้ง เลยคิดว่ามันเล่นกันง่ายดี เทคนิคนำสมัย แบบคิดไม่ถึงนี่เอง หนังถึงดังเหลือเกิน คุยกับใครไม่ยักกะมีใครเคยดูเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่านะที่ได้ดูมัน

NOSFERATU
ผีดูดเลือดยุคกลางที่ไม่มีความหล่อเหลาเหมือนท่านเคาท์แดร็กคูล่าเลย ผอมเกร็ง หัวล้าน ฟันหนู โอกาสที่สาวๆ จะหลงมาติด ก็คงไม่มี เจ้าหมอนี่จึงเป็นผีดูดเลือดประเภท โหดร้าย ชนิด จิก ตบ กด ดูด (เลือด) ชื่อของหมอนี่ยังคงปรากฏอยู่ในตำนาน

Horror Gothic ตอนที่ 1

Horror Gothic ตอนที่ 1
โมเดลผีสิง ในบทความนี้ เป็นการรวบรวมบรรดาเหล่าทูตผีในยุคกลางที่มีศิลปะและสถาปัตยกรรมเฟื่องฟู ในรูปแบบ "กอธ GOTH" ในราวศตวรรษที่ 12-14 ซึ่งพวก GOTH ก็คือสมาชิกของชนเผ่าเยอรมัน ซึ่งรุกรานอาณาจักรโรมันเมื่อต้นคริสตสักราช พวกนี้จัดว่าเป็นพวกป่าเถื่อน วิญญาณเหล่าภูตผีจากรูปโมเดลที่แสดงจึงแต่งกายในแบบยุคนั้น จะมีไม่กี่ตัวที่แต่งกายออกจะร่วมสมัยไปนิด(BIOSTEIN กับ I'M BACK) ผีในยุคกอธิคก็มี Noferatu, Franken Stein, (ที่แต่งและประพันธ์โดย Mary Shalley) The Manster (คน 2 หัว) และอีกตัวคือ Celtic Vampire สังเกตุให้ดีในช่วงนั้นจะนิยมพวก ผีดูดเลือด กับ บรรดา มิวแต้นท์

มิวแต้นท์ คือพวกที่มาจากการผ่าตัดโดยแพทย์สติเฟื่อง ที่คิดจะชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้เกิดเรื่องราวสยองขวัญต่าง ๆ นานา อย่าง Franken Stein เป็นต้น

Franken Stein มีร่างกายกับสมองเป็นคนละคนกัน ไม่ต้องอะไรชิ้นส่วนบางชิ้นในร่างกายยังมีการตัดต่อเอามาจากศพอื่น ในบทประพันธ์ของ "มาดาม แมรี่" ซึ่งในต้นฉบับ ร่างกายจะเป็นของฆาตกร สมองจะเป็นของพวกวิปลาศ สมมุติถ้าเป็นเราลองคิดดู สมองยังไม่ตาย แต่นำไปใส่ร่างอื่นที่เรายังไม่ชิน เราจะรู้สึกอย่างไร หรือ ไม่ต้องเอาสมองมาใส่ร่างใหม่ก็ได้ แต่ให้คนมายืนด่าว่าเรา เรายังโกรธ ทั้งๆ ที่อยู่ร่างเดิม แต่ มาดาม แมรี่ จับจุดตรงนี้ขึ้นมาเขย่าขวัญผู้คน ให้ผีดิบที่ฟื้นขึ้นมาควบคุมตัวเองไม่ได้ อวัยวะของตัวมันเองยังขัดแย้งกันเลย ขาที่ดูใหญ่โต แขนที่ดูบึกบึน เอาของใครมาใส่ก็ไม่รู้ สมองก็ดูร่างใหม่ที่เต็มไปด้วยรอยเย็บ แล้วไหนแพทย์สติเฟื่องยังจะมาบังคับอีก ก็เลยต่อต้านและทำร้ายด๊อกเตอร์ ซึ่งสมองทำในสิ่งที่เคยทำตอนเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายเป็นฆาตกรที่มีเรี่ยวแรงเกินกำหนด ด๊อกเตอร์ก็เลยถึงฆาต กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ผู้คนกล่าวขวัญมายาวนาน ว่าน่ากลัว ในมุมมองของคนดูมองว่า เขาสร้างแกมาแท้ๆ หมดเงิน หมดทองไปไม่น้อย แทนที่จะสำนึกบุญคุณกลับฆ่าด๊อกเตอร์ซะอีก

แต่ความจริงแล้วควรเห็นใจศพที่ฟื้นคืนชีพเพราะการคืนชีพเป็นอะไรที่เจ็บปวดอย่างมากจากโลกของความตายเหมือนอย่าง Franken Stein ถ้าเป็นในหนังฉบับคลาสสิค จะมีตอนหนึ่งที่ แฟรงเกน ไปเจอเด็กตาบอด ซึ่งเด็กมองไม่เห็นแฟรงเกนและเด็กก็ยื่นดอกไม้ให้แล้วก็ชวนมาเล่นกัน แฟรงเกนชินกับร่างแล้วจึงเล่นด้วย เล่นไปเล่นมาเด็กพลัดตกน้ำ แฟรงเกนจึงยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ช่วยไว้ไม่ทันเด็กจมน้ำเสียก่อน ชาวบ้านผ่านมา เห็นแฟรงเกนกำลังยื่นมือ จึงคิดว่าแฟรงเกนทำร้ายเด็ก จึงไล่ฆ่าแฟรงเกน ซึ่งเขาไม่คิดจะฆ่าเด็กเลย ฉากนี้เป็นฉากคลาสสิคมาก มากจน ผู้สร้างหนังเรื่อง CON AIR นำมาสร้างอีกครั้ง จำฉากที่ฆาตกรโรคจิตแบบฮันนิบาลไปนั่งกับเด็กได้ไหม แล้วก็ร่วมกันร้องเพลงเล่นตุ๊กตาบาร์บี้กัน อารมณ์นั้นเลย